อัปเดตกันหน่อยเพราะตอนนี้ใครรอกาสรมาของ Samsung Galaxy Tab S11 Ultra รุ่นใหม่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดได้ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน SGS Fimko เป็นที่เรียบร้อย พร้อมยืนยันสเปคสำคัญด้านแบตเตอรี่และการชาร์จไฟ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกข้อมูลที่เปิดเผยออกมา พร้อมตารางสเปค และวิเคราะห์จุดเด่นที่น่าจับตาสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะรอรุ่นใหม่ดีหรือไม่
สเปค Samsung Galaxy Tab S11 Ultra
คุณสมบัติ (Feature) | สเปค (Specification) |
ชิปเซ็ต (Chipset) | MediaTek Dimensity 9400+ |
แรม (RAM) | 12 GB |
แบตเตอรี่ (Battery) | 11,600 mAh |
ระบบชาร์จไว (Charging) | 45W (แบบมีสาย) |
ระบบปฏิบัติการ (OS) | Android 16 |
UI | One UI 8 |

3 จุดเด่นที่น่าจับตา สำหรับคนที่รออัปเกรด
การมาของ Galaxy Tab S11 Ultra ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงตัวเลข แต่มาพร้อมการอัปเกรดที่น่าสนใจหลายด้าน ดังนี้
1. ขุมพลังที่ก้าวกระโดดสู่ยุคใหม่ แม้ข้อมูลจะยังเป็นเพียงข่าวลือ แต่การเลือกใช้ชิปเซ็ตระดับท็อปอย่าง MediaTek Dimensity 9400+ จะเป็นการยกระดับประสิทธิภาพขึ้นอย่างมหาศาลจากรุ่นก่อน เหมาะสำหรับสายทำงานหนักที่ต้องการความลื่นไหลในการตัดต่อวิดีโอ, งานกราฟิก, การใช้งาน Multi-tasking หลายหน้าต่างพร้อมกัน รวมถึงคอเกมที่ต้องการเฟรมเรตที่นิ่งและกราฟิกที่สวยงามที่สุด นี่คือการอัปเกรดที่ทรงพลังและเห็นผลชัดเจนที่สุด
2. ซอฟต์แวร์ล่าสุดและการันตีการอัปเดตระยะยาว การมาพร้อมกับ Android 16 และ One UI 8 ตั้งแต่ออกจากโรงงาน ทำให้ Galaxy Tab S11 Ultra เป็นอุปกรณ์ที่ “สดใหม่” ที่สุดในตลาด คุณจะได้ใช้ฟีเจอร์ล่าสุดของ Android ก่อนใคร พร้อมรับประกันการอัปเดตความปลอดภัยและระบบปฏิบัติการที่ยาวนานกว่าเดิม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนเพื่อการใช้งานระยะยาวและต้องการความปลอดภัยของข้อมูลสูงสุด
3. แบตเตอรี่ที่อึดกว่าเดิม เพื่อการใช้งานที่ไม่สะดุด แม้จะเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 400 mAh แต่ความจุรวมที่ 11,600 mAh ถือว่าสูงมากสำหรับแท็บเล็ต ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานหนักๆ ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการประชุมออนไลน์ต่อเนื่อง, การสตรีมมิ่งคอนเทนต์ความละเอียดสูง หรือการทำงานนอกสถานที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาที่ชาร์จ
ข้อสังเกต: สิ่งที่ยังคงเดิมคือความเร็วในการชาร์จที่ 45W ซึ่งแม้จะเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ก็อาจไม่ทันใจสำหรับผู้ที่คาดหวังการอัปเกรดในส่วนนี้
อย่างไรก็ดี Galaxy Tab S11 Ultra ดูเหมือนจะเป็นการอัปเกรดที่เน้นหนักไปที่ “ประสิทธิภาพภายในและซอฟต์แวร์แห่งอนาคต” หากคุณเป็นผู้ใช้งานที่ต้องการพลังการประมวลผลขั้นสุด, ต้องการอุปกรณ์ที่รองรับการอัปเดตไปอีกหลายปี และใช้งานแท็บเล็ตอย่างหนักหน่วง การรอคอยดูจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน จนกว่าจะเปิดตัว
ที่มา : GSMArena