หลายคนคงสงสัยว่าทำไมสมาร์ทโฟนจากเมืองจีนเช่น Honor GT Pro หรือ Xiaomi 15 Ultra กล้าให้แบตเตอรี่มาถึง 6,000-7,200mAh ในขณะที่แบรนด์ระดับโลกอย่าง Samsung Galaxy S26 Ultra หรือ iPhone 16 Pro Max กลับยังคงใช้แบตเตอรี่ราว 4,600-5,000mAh มาหลายปี ล่าสุดมีรายงานชี้ว่าต้นเหตุสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องการลดต้นทุน แต่เป็นเพราะ “กฎระเบียบการขนส่งที่ล้าสมัย”
กำแพงที่มองไม่เห็น: กฎ 20Wh
รายงานจากแหล่งข่าววงในอย่าง @UniverseIce ระบุว่า ปัญหาหลักมาจากกฎระเบียบการขนส่งของสหรัฐฯ (US Federal Transportation Regulation 49 CFR 173.185) ซึ่งจำกัดไม่ให้เซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีความจุเกิน 20Wh (วัตต์-ชั่วโมง) หรือคิดเป็นประมาณ 5,000mAh
หากเกินกว่านี้ แบตเตอรี่จะถูกจัดเป็น “วัตถุอันตรายประเภท 9” (Class 9 Dangerous Goods) ซึ่งทำให้ขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางอากาศสูงขึ้นมหาศาล ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ที่ต้องส่งออกสินค้าไปทั่วโลกอย่าง Samsung และ Apple จึงเลือกที่จะออกแบบแบตเตอรี่ให้อยู่ภายใต้เกณฑ์นี้เพื่อความสะดวกและควบคุมต้นทุน
ทางออกของแบรนด์จีน: แบตเตอรี่สองเซลล์ (Dual-Cell)
แล้วแบรนด์จีนทำได้อย่างไร? คำตอบคือการใช้เทคโนโลยี “แบตเตอรี่สองเซลล์” ตัวอย่างเช่นใน OnePlus 13 ที่มีแบตเตอรี่รวม 6,000mAh แต่ข้างในประกอบด้วยเซลล์แบตเตอรี่ 3,000mAh จำนวน 2 ก้อน ซึ่งแต่ละก้อนมีความจุไม่เกิน 20Wh ทำให้ผ่านกฎการขนส่งได้โดยไม่มีปัญหา และยังได้ความจุรวมที่สูงขึ้น
คำถามสำคัญ: แล้วแบตใหญ่กว่า อันตรายกว่าจริงหรือ?
แม้กฎระเบียบจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย แต่ข้อมูลล่าสุดกลับชี้ว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะอุบัติเหตุเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับขนาดความจุที่ใหญ่ขึ้นโดยตรง และบางครั้งก็เกิดขึ้นกับแบรนด์ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่าเกณฑ์ด้วยซ้ำ ซึ่งชี้ให้เห็นว่ากฎระเบียบเหล่านี้อาจล้าสมัยและไม่สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ในปัจจุบัน
ตราบใดที่กฎระเบียบยังไม่ถูกปรับปรุง ช่องว่างของขนาดแบตเตอรี่ระหว่างมือถือที่วางขายในจีนและตลาดโลกก็จะยิ่งถ่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ที่มา : Gizmochina
