Adobe Systems Inc. ยักษ์ใหญ่แห่งวงการซอฟต์แวร์สร้างสรรค์ ได้ประกาศถึงความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมประสบการณ์การตัดต่อวิดีโอบนอุปกรณ์พกพา ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Adobe Premiere เวอร์ชันใหม่สำหรับ iPhone และ iPad ซึ่งถูกนิยามว่าเป็น “เวอร์ชันเต็ม” ที่ถอดแบบความสามารถจาก Premiere Pro บนเดสก์ท็อปมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยมีกำหนดเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 กันยายนนี้
การประกาศครั้งนี้นับเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนจาก Adobe ถึงวิสัยทัศน์ในการขยายขีดความสามารถของชุด Creative Cloud สู่แพลตฟอร์มโมบายล์อย่างจริงจัง หลังจากที่ได้ทดลองตลาดด้วยแอปพลิเคชันเวอร์ชันน้ำหนักเบาอย่าง Premiere Rush มานานหลายปี โดยการมาถึงของ Premiere เวอร์ชันเต็มนี้ ไม่เพียงเป็นการอัปเกรดประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นการเข้ามาแทนที่ Premiere Rush ซึ่งจะถูกถอดถอนออกจาก App Store ในวันเดียวกัน

ปลดล็อกศักยภาพการตัดต่อระดับมืออาชีพบนอุปกรณ์พกพา
Adobe ให้คำมั่นสัญญาว่า Premiere เวอร์ชันใหม่บน iOS จะมอบประสบการณ์การตัดต่อวิดีโอคุณภาพระดับโปร (pro-quality video editing) ที่ใกล้เคียงกับเวอร์ชันเดสก์ท็อปมากที่สุด โดยได้อัดแน่นฟีเจอร์สำคัญที่ตอบโจทย์ความต้องการของครีเอเตอร์ยุคใหม่:
- Multi-track Timeline ที่ไร้ขีดจำกัด: หัวใจหลักของการตัดต่อวิดีโอที่ซับซ้อนคือ Timeline ที่ยืดหยุ่น Premiere ใหม่รองรับการจัดการเลเยอร์วิดีโอ, เสียง, และข้อความได้ไม่จำกัดจำนวน ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีความซับซ้อนและมีมิติได้อย่างอิสระบนหน้าจอขนาดกะทัดรัด
- รองรับ 4K HDR เต็มรูปแบบ: ตอบโจทย์มาตรฐานการผลิตวิดีโอสมัยใหม่ที่เน้นคุณภาพและความคมชัด ผู้ใช้สามารถนำเข้า, ตัดต่อ, และส่งออกวิดีโอในรูปแบบ 4K HDR ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าผลงานที่สร้างจะคงคุณภาพสูงสุด
- ผสานพลัง AI ด้วย Adobe Firefly: นี่คือจุดเด่นที่แสดงถึงทิศทางของ Adobe ในยุค AI ผู้ใช้จะสามารถใช้ชุดเครื่องมือ AI อย่าง Adobe Firefly เพื่อสร้างสรรค์ Sound Effects หรือ Asset อื่นๆ ได้โดยตรงภายในแอปพลิเคชัน เปิดมิติใหม่ของการสร้างสรรค์ที่รวดเร็วและเป็นไปได้มากขึ้น
- Auto Captions พร้อม Subtitle Stylization: ฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้สำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ยุคนี้คือคำบรรยายใต้ภาพ Premiere ใหม่มาพร้อมระบบสร้างคำบรรยายอัตโนมัติจากเสียง (Automatic Captions) และที่สำคัญคือสามารถปรับแต่งสไตล์ของ Subtitle ได้อย่างละเอียด เพื่อให้เข้ากับแบรนด์หรืออารมณ์ของวิดีโอ
- การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อกับ Ecosystem ของ Adobe และ Social Media: อำนวยความสะดวกในการส่งออกผลงาน ผู้ใช้สามารถ Export วิดีโอตรงไปยังแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok, YouTube, หรือ Instagram ได้ในคลิกเดียว นอกจากนี้ ยังสามารถส่งโปรเจกต์ที่ทำบน iPhone/iPad ไปยัง Premiere Pro บน Mac หรือ PC ได้อย่างราบรื่น เพื่อการทำงานขั้นสูงเพิ่มเติมในภายหลัง
ก้าวใหม่กับการอำลา Premiere Rush
การเปิดตัวแอปพลิเคชัน Premiere ตัวใหม่นี้ จะนำมาซึ่งการยุติบทบาทของ Premiere Rush ซึ่งเป็นแอปฯ ตัดต่อวิดีโอแบบ Lightweight ที่ Adobe เคยนำเสนอมาก่อนหน้านี้ โดย Premiere Rush จะถูกถอดออกจาก App Store ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ Premiere เวอร์ชันเต็มออกสู่สาธารณะ
สำหรับผู้ใช้งาน Premiere Rush ในปัจจุบันที่ติดตั้งแอปพลิเคชันไว้แล้ว จะยังคงสามารถใช้งานต่อไปได้บนอุปกรณ์เดิมจนกว่าแอปพลิเคชันจะถูกยกเลิกการสนับสนุนอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 30 กันยายน 2569 ซึ่งเป็นการให้เวลาผู้ใช้ในการปรับตัวและย้ายโปรเจกต์ไปยังแพลตฟอร์มใหม่
การเข้าถึงและการกำหนดราคา
Adobe Premiere เวอร์ชันใหม่นี้จะเปิดให้ ดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรี บน App Store โดยผู้ใช้สามารถกด Pre-order ล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้ และจะมีการเสนอทางเลือกในการชำระเงินเพิ่มเติมสำหรับบริการเสริม เช่น Cloud Storage เพื่อการจัดเก็บข้อมูลโปรเจกต์ขนาดใหญ่ และ Generative AI Credits สำหรับการใช้ฟีเจอร์ AI ที่ต้องการการประมวลผลสูง
การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของ Adobe ครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการทำให้เครื่องมือสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพเข้าถึงได้ง่ายขึ้นบนทุกแพลตฟอร์ม และจะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ Mobile Video Editing อย่างแน่นอน
ที่มา : MacRumors