Posted in

Recap] เปิดกระเป๋าตังค์รอ! สรุปทุกของเล่นใหม่ใน Apple Event ที่ทำเอาสาวกใจสั่น ทั้ง iPhone 17, Apple Watch และ AirPods Pro 3

จบไปแล้วสำหรับค่ำคืนที่หลายคนรอคอย! Apple Event รอบนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ขนทัพผลิตภัณฑ์ใหม่มาเปิดตัวแบบเต็มเวที ชนิดที่ว่าบัตรเครดิตในมือสั่นไปหมด! ใครพลาดดูสดไม่ต้องเสียใจ เราสรุปมาให้แล้วแบบฉบับชาวไอที อ่านจบแล้วรู้เรื่องทันทีว่าต้องเก็บเงินซื้ออะไรบ้าง!

AirPods Pro 3: หูฟังที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องเสียง!

เปิดตัวกันด้วยของใกล้หูอย่าง AirPods Pro 3 ที่รอบนี้ Apple จัดหนักกว่าที่เคย

  • ANC เทพขึ้น 2 เท่า: ใครที่ว่ารุ่นเดิมเงียบแล้ว รุ่นนี้เงียบกว่าเดิมอีก! ด้วยดีไซน์จุกหูฟังใหม่ที่ซีลกันเสียงภายนอกได้ดีขึ้น (แถมมีให้เลือก 5 ขนาด) รับรองว่าโลกส่วนตัวของคุณจะสงบสุขกว่าที่เคย
  • นักแปลส่วนตัวในหู: ฟีเจอร์ Live Translation มาแล้ว! แค่เปิดโหมดนี้ปุ๊บ หูฟังจะแปลภาษาที่คู่สนทนาพูดให้เราฟังแบบเรียลไไทม์ ล้ำเหมือนหลุดมาจากหนังไซไฟ
  • ฟิตเนสที่ไม่ต้องมีนาฬิกา: ข่าวลือเป็นจริง! AirPods Pro 3 ใส่เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจมาให้ด้วย ทีนี้จะวิ่ง จะออกกำลังกาย ก็ไม่ต้องใส่ Apple Watch ก็ยังแทร็กข้อมูลได้
  • แบตเตอรี่: ใช้งานได้ยาวๆ 10 ชั่วโมง และถ้าเปิด ANC จะเหลือ 8 ชั่วโมง
  • ค่าตัว: เปิดมาน่ารักที่ 8,490 บาท

Apple Watch: กองทัพนาฬิกาบุกโลก!

ปีนี้ Apple ส่ง Apple Watch มาถึง 3 รุ่น 3 สไตล์ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

  • Apple Watch Series 11: รุ่นมาตรฐานที่อัปเกรดแบบจัดเต็ม จอแข็งแรงขึ้นด้วยสารเคลือบกันรอย, รองรับ 5G และที่พีคสุดคือ ฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ฉลาดขึ้นเป็นกอง! ทั้งการตรวจจับสัญญาณ “ความดันโลหิตสูง” (Hypertension) และการวิเคราะห์ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ พร้อมให้ “คะแนนการนอน” แบบใหม่ที่ละเอียดกว่าเดิม ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท
  • Apple Watch SE: รุ่นเล็กขวัญใจมหาชน กลับมาพร้อมพลังที่เหนือกว่า! อัปเกรดมาใช้ชิป S10 ตัวเดียวกับรุ่นพี่ ทำให้รองรับฟีเจอร์เด็ดๆ ทั้ง Double Tap, ชาร์จเร็ว, 5G และยังวัดอุณหภูมิที่ผิวหนังได้ด้วย ใครหานาฬิกาฉลาดๆ ราคาเบาๆ ต้องตัวนี้เลย ราคาเริ่มต้น 8,500 บาท
  • Apple Watch Ultra 3: สำหรับสายลุยขั้นสุด! จอใหญ่และสว่างที่สุดเท่าที่เคยมีมา แบตเตอรี่อึดถึกทน 42 ชั่วโมง และทีเด็ดคือ การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม ที่ไม่ใช่แค่ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ แต่ยังแชทกับเพื่อนและแชร์ตำแหน่งได้แม้จะอยู่ในป่าลึกที่ไม่มีสัญญาณมือถือ! ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท

iPhone 17 Series: ที่สุดของไลน์อัพที่เคยมีมา!

และแล้วก็มาถึงพระเอกของงาน! ปีนี้ iPhone 17 Series สร้างความฮือฮาด้วยการแบ่งรุ่นที่ชัดเจนและน่าสนใจสุดๆ

  • iPhone 17 (รุ่นเริ่มต้นที่ “ไม่ธรรมดา”)
    • ลืมจอ 60Hz ไปได้เลย! ปีนี้รุ่นเริ่มต้นได้จอ ProMotion 120Hz แล้ว! ขนาด 6.3 นิ้ว สว่างสู้แดดถึง 3,000 nits พร้อมกระจก Ceramic Shield 2 ที่แกร่งกว่าเดิม
    • ขุมพลังชิป A19 ตัวใหม่ ที่แรงพอจะแบกฟีเจอร์ Apple Intelligence และเล่นเกมได้สบายๆ
    • กล้องหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่! Center Stage Camera 18MP ที่เป็นเซ็นเซอร์ทรงสี่เหลี่ยม ทำให้เลือกมุมมองภาพได้ 4 แบบโดยไม่ต้องหมุนโทรศัพท์!
    • ความจำเริ่มต้นที่ 256GB ให้มาแบบเหลือๆ
    • ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท
  • iPhone 17 Air (นิยามใหม่ของคำว่า “บางเบาแต่ทรงพลัง”)
    • เซอร์ไพรส์สุดๆ! รุ่นนี้มาแทนที่รุ่น Plus ด้วยดีไซน์บางเฉียบแค่ 5.6 มิลลิเมตร บอดี้ทำจากไทเทเนียมสวยหรู
    • บางแต่แรง! Apple จัดชิปตัวท็อปอย่าง A19 Pro มาให้เลย! แรงเท่ารุ่นพี่ Pro ทุกอย่าง
    • ถึงจะมีกล้องหลังตัวเดียว แต่เป็นเซ็นเซอร์ 48MP คุณภาพสูง ซูม 2x ได้แบบไม่เสียรายละเอียด ส่วนกล้องหน้า 18MP ก็ได้ Center Stage มาเหมือนกัน
    • ใช้ eSIM เท่านั้น และมาพร้อมชิปเชื่อมต่อ N1 และ C1X ที่ทำให้ Wi-Fi และสัญญาณต่างๆ เร็วขึ้น 2 เท่าแต่ประหยัดพลังงานกว่าเดิม
    • ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท
  • iPhone 17 Pro & 17 Pro Max (สำหรับคนที่ไม่ยอมกับคำว่า “ที่สุด”)
    • ดีไซน์ใหม่ใช้อะลูมิเนียมที่ช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น 20% พร้อมกระจกด้านหลังที่ทนรอยกว่าเดิม 4 เท่า!
    • ขุมพลัง A19 Pro เหมือนรุ่น Air แต่มาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ดีกว่า
    • ระบบกล้องหลังคือมอนสเตอร์! เป็น Fusion Camera 48MP ทั้ง 3 ตัว! ซูม Optical ได้ถึง 4x และซูมแบบ Digital คุณภาพสูงได้ถึง 8x ถ่าย Macro ได้ใกล้สุดๆ
    • สายวิดีโอต้องกรี๊ด! รองรับการถ่าย ProRes RAW, 4K 120fps และมี GenLock สำหรับซิงค์กับกล้องโปรหลายตัวได้
    • แบตเตอรี่อึดที่สุด โดยเฉพาะรุ่น Pro Max ที่ดูวิดีโอได้นานถึง 39 ชั่วโมง!
    • iPhone 17 Pro (6.3 นิ้ว) ราคาเริ่มต้น 43,900 บาท
    • iPhone 17 Pro Max (6.9 นิ้ว) ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท

ทั้งหมดนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน เป็นต้นไปครับ เรียกว่าเป็นอีกปีที่ Apple สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการได้อย่างน่าทึ่ง แล้วคุณล่ะ…เล็งรุ่นไหนไว้ในใจกันบ้าง? คอมเมนต์คุยกันได้เลย!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *