Posted in

พรีวิว vivo X300 Series รุ่นเล็กก็น่าคบ รุ่นใหญ่ก็ดีกว่าเดิม จบที่ตัวไหนดีล่ะ

vivo จัดงานพูดคุยก่อนการเปิดตัว vivo X300 Series ที่จะเปิดตัวปลายปีนี้ โดยรอบนี้จะเมาเจาะลึกกับเบื้องหลังของมือถือเรือธงที่เรียกว่าเป็นที่สุดของกล้องรอบนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เรามาฟังและสรุปกัน

กล้องของ vivo X300 Pro

  • กล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony LYT-828 ความละเอียด 50MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28 นิ้ว รูรับแสง f/1.57 พร้อมระบบกันสั่นแบบ Gimbal OIS ค่า CIPA 5.5
  • กล้องมุมกว้างเซ็นเซอร์ Samsung JN1 ความละเอียด 50MP
  • กล้อง Telephoto เซ็นเซอร์ Periscope รุ่นใหม่ Samsung HPB ความละเอียดสูงถึง 200MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.4 นิ้ว ระยะ 3.7x
  • กล้องหน้าเซ็นเซอร์ Samsung JN1 ความละเอียด 50MP

อุปกรณ์เสริม vivo Telephoto Extender ขะมีระยะ 2.35x จะเพิ่มระยะของ Telephoto หลักกด็จะได้ 5x ทำให้เก็บรายละเอียดได้ดีถ้ามีการซูม ซึ่งเลนส์ดเสริมของชุดนี้จะสามารถติดตั้งได้เหมือนกันทั้งรุ่น X300 และรุ่น Pro 

กล้องของ vivo X300

  • กล้องหลัก: เซ็นเซอร์ Samsung HPB ความละเอียด 200MP ขนาด 1/1.4 นิ้ว รูรับแสง f/1.68 (เซ็นเซอร์เดียวกับกล้อง Telephoto ของรุ่น Pro) ซึ่งมีผลที่ทำให้เก็บรายละเอียดได้ดีขึ้นกว่าเดิม และทำให้แสงนั้นผ่านเซ็นเซอร์ได้ถึง 13% และมีค่ากันสั่นที่ CIPA 4.5 ถือว่าทำได้เยอะ
  • กล้อง Telephoto: เซ็นเซอร์ Sony LYT-602 APO ความละเอียด 50MP ขนาด 1/1.95 นิ้ว อัปเกรดจากเดิม โดยครั้งแรกจะมีแบบ APO เท่ากับกล้องซูมจะมีการลดการคลาดเคลื่อนของสีได้ และกันสั่น CIPA 4.5 เท่ากัน
  • กล้อง Ultrawide: เซ็นเซอร์ Samsung JN1 ความละเอียด 50MP
  • กล้องหน้า: เซ็นเซอร์ Samsung JN1 ความละเอียด 50MP จะมุมกว้างขึ้นและมีความกว้างที่สูงขึ้น

ชิ้นเลนส์ทั้งคู่เป็นแบบ Super Blue Glass เคลือบสาย ZEISS T* เรียกว่ามีมาตรฐานที่ดีขึ้น

นอกจากนี้มีชิป VS1 เป็นชิป Pre Processing ที่มีขนาด 6 นาโนเมตร 80TOPS และมีการจัดการพลังงานที่ดี และจะทำให้ความเร็วที่ดีขึ้น 200% ในการถ่ายภาพ และจัดการพลังงานดีขึ้น 60% ทำงานร่วมกับ V3+ และ Dimensity 9500 ใหม่ล่าสุดที่เรียกว่ามีความโดดเด่นไม่เบา

เรื่องของกล้องยังมีเพิ่มเกี่ยวกับ Software ที่มีการปรับปรุงเรื่องของรูปแบบการถ่ายภาพที่เก็บรายละเอียดได้ดี โดยเฉพาะการถ่าย Concert ที่สามารถเก็บรายละเอียดได้ดีใน Stage Mode, ปรับปรุง Skintone เมื่อถ่ายภาพ Portrait, ปรับปรุงกันสั่นเวลาถ่ายวิดีโอให้เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น

นอกจากนี้เวลาการถ่ายภาพแบบภาพ Portrait จะสามารถใช้ Flash Zoom เก็บรายละเอียดที่มากขึ้นกว่าเดิม โดยเก็บภาพได้ถ่ายพลุที่เรียกว่าสวยงามแน่นอน

ส่วนฟีเจอร์ปรับภาพได้หลากฤดูจากเดิมมีแค่ 4 ตอนนี้ปรับได้ 10 ฤดูให้ Gen ภาพนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม Video Portrait ให้รองรับกับสีผิวที่ขาว และยังมาพร้อมกับความนิ่งที่เหมาะสมกับวิดีโอ 4K 60FPS แต่ถ้าไม่ใช้และมือโปรพอก็จะรองรับการถ่าย 10-bit LOG ได้เช่นกัน แถมยังเก็บรายละเอียดการถ่ายวิดีโอได้นิ่งมากขึ้น

วิดีโอของรุ่น X300 Pro ทำได้สูงสุดที่ 4K 120FPS แต่สามารถทำงานกับระบบกันสั่น และยังสามารถใช้ระยะ 2.35x ผ่านเลนส์ซูมได้ แถมยังเอา 4K 120 FPS ถ่าย LOG ได้ และการที่ทำแบบนี้ได้ก็สามารถแต่งภาพได้ตามที่เราต้องการ และถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS ได้นานสุด 5:43 ชั่วโมง โดยไม่ต้องชาร์จไฟ

Origin OS6 ใหม่หมด

Origin OS 6 จะมาให้ได้ใช้กับ vivo X300 Series ครั้งแรกแบบเวอร์ชั่นจริง โดดเด่นคือ ระบบ Orgin Smooth OS เปิดแอปส์ได้เร็วขึ้น 19% มีความเสถียรมากขึ้น 63% เมื่อเทียบกับ FunTouch OS เดิม เพราะมีการจัดสรรขุมพลังให้เหมาะสมกับการใช้งาน แต่การลื่นนั้นไม่ได้ทุกอย่าง โดยจะทำให้เหมาะสม หากคุณสลับ Apps จะลื่น

ส่วนกราฟฟิกจะมีการปรับปรุงให้มีการควบคุมได้ผ่าน Dual rendering ที่ปรับให้ GPS จะมีการปรับปรุงให้มีความลื่นไหลมากขึ้น และยังสามารถเลื่อนภาพจะมีการไถได้เร็วขึ้น 106% (เมื่อมีภาพทั้งหมด 5,000 ภาพ) นอกจากนี้ยังมีการเปิด Apps ด้านหลังได้ถึง 47 Apps เพราะมีการจัดสรร Apps ได้อย่างเหมาะสมผ่าน Memory Fusion

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Origin Drag and Go และยังทำงานร่วมกับ Orgin Island ที่จะแสดงผลบนเมนูได้เช่นเดียวกัน

Origin Fusion จะมีฟีเจอร์ที่ทำให้สามารถเลืออการ Flip ภาพที่ต้องการได้เช่นเดียวกัน

vivo ได้มีการติดตั้งระบบ Office Kit ที่สามารถไฟล์ไร้สาย, ควบคุบมือถือจากคอมพิวเตอร์และสามารถควบคุมคอมพิวเตอรได้จากระยะไกล แถมยังสามารถโยนไฟล์เข้าไปผ่าน Easy Share ผ่านการแตะหลังเครื่อง

เห็นแบบนี้พูดเลยว่าอดใจไว้ก่อนเพราะมือถือรุ่นนี้เปิดตัวปลายนี้อย่างแน่นอน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *