-
การร่วมสํารวจดวงจันทร์จะส่งผลต่อวิทยาศาสตร์ของไทยอย่างไร
หลังจากความสำเร็จในการสำรวจดวงจันทร์ในยุคโครงการ Apollo ที่ในอดีตมีเป้าหมายสำคัญคือ เป็นการแข่งขันระหว่างชาติมหาอำนาจเพื่อแสดงศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ในปัจจุบันกระแสการเดินทางไปดวงจันทร์กลับมาอีกครั้ง ทำให้ได้เห็นประเทศต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทในการสำรวจอวกาศกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ต่างก็มีแผนการมุ่งหน้าไปดวงจันทร์ในอนาคตอันใกล้ และนอกเหนือจากภาครัฐแล้ว ยังมีอีกหลายบริษัทเอกชนที่จะมีภารกิจเยือนดวงจันทร์อีกด้วย สาเหตุหลักมาจากการค้นพบสารประกอบน้ำบนดวงจันทร์ ในปี 2008 ทำให้ดวงจันทร์กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้งของนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่ว่า การสำรวจดวงจันทร์จะกลายเป็นการเปิดประตูสู่การสำรวจอวกาศห้วงลึกให้กับมนุษย์ นอกจากการค้นพบองค์ความรู้ใหม่ ๆ แล้ว การสำรวจดวงจันทร์ยังเป็นการผลักดันศักยภาพด้านเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ การสื่อสารด้วย WiFi, GPS และการถนอมอาหาร ที่ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากเทคโนโลยีอวกาศทั้งสิ้น เรียกได้ว่าปัจจุบันเป็นยุคแห่งการสำรวจอวกาศ โดยเฉพาะการสำรวจดวงจันทร์ที่หลากหลายประเทศกำลังจับตามอง ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสนใจกับการสำรวจดวงจันทร์ด้วยเช่นกัน โดยได้มีการประกาศตั้งภาคีความร่วมมืออวกาศไทย (Thai Space Consortium: TSC) ในปี 2021 ที่เป็นการรวมตัวของหน่วยงานวิจัยวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศและสถาบันอุดมศึกษา รวม 14 หน่วยงาน นำโดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ NARIT ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายของโครงการ TSC คือการสร้าง“ดาวเทียมสำรวจดวงจันทร์” ด้วยเทคโนโลยีฝีมือคนไทย เพื่อบุกเบิกการวิจัยวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมขั้นสูง ด้วยการสนับสนุนของกลุ่มธุรกิจ TCP ประเทศไทยยังได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการวิจัยวิทยาศาสตร์และระดับโลกของจีน นำโดย องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) ทั้งนี้ได้ร่วมลงนามกับห้องปฏิบัติการสำรวจห้วงอวกาศลึก (Deep Space Exploration Lab หรือ DSEL) ของ CNSA ในข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีสำรวจอวกาศเชิงลึก ภายใต้โครงการสถานีวิจัยบนดวงจันทร์นานาชาติ (International Lunar Research Station หรือ ILRS) ในปีที่แล้ว เพื่อสนับสนุนความร่วมมือในโครงการสำรวจดวงจันทร์ระดับแถวหน้าอย่างฉางเอ๋อ ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการนำเอาตัวอย่างจากดวงจันทร์กลับโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศจีนกับโครงการฉางเอ๋อ 5 และมีประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าในโครงการฉางเอ๋อ 7 ที่มีกำหนดจะนำส่งขึ้นสู่อวกาศภายในปี 2026 จะมีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรไทยเดินทางไปด้วยคือ‘MATCH’ หรือ Moon-Aiming Thai-Chinese Hodoscope เพื่อตรวจวัดอนุภาคพลังงานสูงภายใต้รังสีคอสมิกในอวกาศและศึกษากิจกรรมที่เกี่ยวข้องจากผลกระทบระหว่าง ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ การพัฒนาเครื่องวัดอนุภาคพลังงานสูงในอวกาศหรือรังสีคอสมิก (Cosmic Ray) เพื่อติดตามผลกระทบของสภาพอวกาศที่มีต่อโลก จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม 5 ด้านหลักของไทยที่ได้รับผลกระทบจาก Solar activityโดยตรงคือ 1. ระบบดาวเทียมในทุกพันธกิจ โดยเฉพาะระบบดาวเทียมนำร่องในงานด้านโลจิสติก ระบบบริการเวลาแม่นยำ 2. อุตสาหกรรมการบินของประเทศ ในด้านวิทยุการบิน ระบบนำร่องเครื่องบินพาณิชย์ 3. อุตสาหรรมพลังงานสะอาด เนื่องจากคุณภาพของ Solar Cell ขึ้นอยู่กับอนุภาคพลังงานสูงในอวกาศ 4. เสถียรภาพด้านสายส่งไฟฟ้ากำลังงานสูง การมีข้อมูลผู้เชี่ยวชาญด้าน Space Weather จะทำให้สามารถสร้างแบบจำลองการแจ้งเตือนภัยต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ และ 5. ระบบสื่อสารดาวเทียมภาคพื้นของประเทศไทย ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้างต่อกิจกรรมของมนุษย์ เนื่องจากการสื่อสารเป็นปัจจัยหลักในทุกมิติ สำหรับโครงการความร่วมมือไทย-จีน ด้านการสำรวจทรัพยากรของดวงจันทร์ในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของนวัตกรรมอวกาศยานไทย เนื่องจากเป็นการพัฒนาขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรวิจัยชาวไทย ให้ได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาด้านวิศวกรรมระบบอวกาศยานสำหรับการสำรวจอวกาศห้วงลึก ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยมีระบบแจ้งเตือนภัยจากสภาพอวกาศแก่สาธารณะ ในกรณีที่อนุภาคพลังงานสูงผ่านสนามแม่เหล็กโลกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่อาจเกิดขึ้นจากพายุสุริยะ หรือรังสีคอสมิกจากอวกาศห้วงลึก รวมถึงทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูงได้เอง และสามารถนำมาใช้ในโครงการความร่วมมือด้านอวกาศไทย-จีน ในลำดับถัดไป ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ประธานคณะกรรมการบริหารภาคีความร่วมมืออวกาศไทย กล่าวว่า “ความร่วมมือดังกล่าว เป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยเข้าร่วมกับองค์การอวกาศระดับชาติของจีนทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูงได้เองและใช้งานในอวกาศได้จริง ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ไทย-จีน ตลอดจนถ่ายทอดประสบการณ์ ตรรกะการออกแบบอุปกรณ์สำหรับอวกาศยานในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศยานนี้จะช่วยให้มนุษย์ได้ค้นพบความรู้ใหม่ ๆ ทางวิทยาศาสตร์และสามารถต่อยอดในการสร้างนวัตกรรมอีกมากมายที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงบนโลกได้” การไปถึงจุดหมายปลายทางได้นั้น ต้องมีการร่วมมืออย่างบูรณาการทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนโครงการให้ดำเนินต่อไปได้อย่างมีศักยภาพ โดยกลุ่มธุรกิจ TCP ได้ให้ความสำคัญในการวิจัยพัฒนา การสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีอวกาศยาน นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ TCPให้ความเห็นว่า “กลุ่มธุรกิจ TCP เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยกันผลักดันงานวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศยาน ซึ่งจะนำความก้าวหน้ามาสู่การสรรสร้างนวัตกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม เราจึงให้การสนับสนุน NARIT ในการพัฒนาขีดความสามารถของนักวิจัยไทย เพื่อให้เข้าถึงองค์ความรู้ด้านอวกาศห้วงลึกจากองค์กรด้านอวกาศชั้นนำของโลก และนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นอวกาศยานจากฝีมือคนไทยต่อไป รวมถึง ยังสนับสนุนการนำดินดวงจันทร์จากฉางเอ๋อ 5 มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในไทย เพื่อปลุกพลังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่มีใจรักวิทยาศาสตร์ได้เข้ามาเรียนรู้ และเข้าใจว่าดาราศาสตร์ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเราและงานวิจัยจากอวกาศสามารถนำไปสู่ วันที่ดีกว่าได้” ความพยายามดังกล่าวจะนำไปสู่แรงขับเคลื่อนในการสร้างอวกาศยานของไทยเอง และอาจเป็นโอกาสในการสำรวจดวงจันทร์ของประเทศไทยในที่สุด กลุ่มธุรกิจ TCP และ NARIT ขอเชิญชวนทุกคนไปร่วมเรียนรู้นวัตกรรม และชมดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5 ในบูทนิทรรศการ Empowering Thailand through FRONTIER RESEARCH…
-
เอ็มจี เผยสเปค ALL NEW MG3 HYBRID+ เปลี่ยนนิยามรถไฮบริด นำเสนอความเป็นที่สุดใน B-segment
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เดินหน้านำเสนอทางเลือกใหม่ให้คนไทยด้วยยนตรกรรมในทุกรูปแบบการขับเคลื่อน พร้อมสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ในตลาด B-Segment กับการเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ รถยนต์ไฮบริดเทคโนโลยีใหม่จาก เอ็มจี ซึ่งเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นที่ 2 ที่เตรียมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่จากไลน์การผลิตในประเทศไทย เจาะกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ ชูจุดเด่นรถยนต์พลังงานทางเลือกที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ด้วยโกลบอลดีไซน์ที่ดูปราดเปรียว มาพร้อมขุมพลังไฮบริด HYBRID+ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างลงตัว หนึ่งเดียวในคลาสกับห้องโดยสารกว้างสุด ประหยัดกว่าด้วยน้ำมันหนึ่งถังวิ่งได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน การันตีความเชื่อมั่นด้วยผลการทดสอบโดยทีมวิศวกรชั้นนำระดับโลก โดย เอ็มจี เตรียมพร้อมประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคมนี้ ALL NEW MG3 HYBRID+ ยนตรกรรมที่จะเข้ามายกระดับมาตรฐานการเป็น “รถยนต์ไฮบริด” ALL NEW MG3 HYBRID+ รถแฮทช์แบ็กไฮบริด 5 ประตู ยนตรกรรมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ล่าสุดจาก เอ็มจี ด้วย 8 โหมดการขับเคลื่อนของระบบ HYBRID+ ที่รวมทุกระบบไฮบริดไว้ในคันเดียวได้อย่างสมบูรณ์แบบและตอบสนองต่อทุกการใช้งานรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) ระบบขับเคลื่อนแบบผสานเครื่องยนต์และมอเตอร์ (Parallel Hybrid) หรือแม้แต่การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน (Pure EV) ทำให้การขับขี่ในทุกช่วงความเร็วเป็นไปอย่างราบรื่นและลงตัว พร้อมคงจุดเด่น ของการเป็น “รถแฮทช์แบ็กไฮบริดที่ประหยัดกว่า ขับสนุกกว่า และเร้าใจกว่า” ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยสัมผัสเฉกเช่นรถไฟฟ้าแต่ไปได้เร็วกว่าโดยไม่ต้องรอชาร์จไฟ จากขุมพลังไฮบริดใหม่…
-
โซนี่ไทยพร้อมวางจำหน่าย ULT Power Sound ผลิตภัณฑ์เครื่องเสียง
บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด พร้อมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงในตระกูล ULT POWER SOUND1 SERIES ครบไลน์ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลำโพงตั้งพื้น และพกพาแบบไร้สาย ไปจนถึงหูฟังไร้สาย ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเสียงเพลง มอบประสบการณ์ดนตรีที่หนักแน่นสมจริงราวกับนั่งอยู่แถวหน้าเวทีคอนเสิร์ต โดดเด่นด้วยเสียงเบสที่ทรงพลังเพิ่มบรรยากาศดนตรี และปาร์ตี้ให้เต็มขีด กลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้ ULT POWER SOUND SERIES ประกอบด้วย ลำโพงไร้สาย ULT TOWER 10, ULT FIELD 7, ULT FIELD 1 และหูฟังไร้สาย ULT WEAR โดยผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นจะมาพร้อมปุ่ม ULT ที่จะมอบคุณภาพเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยโหมดเสียงที่แตกต่างกันหนึ่งถึงสองโหมด ULT POWER SOUND SERIES ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงในตระกูล ULT POWER SOUND SERIES จากโซนี่ ประกอบด้วย ลำโพงรุ่น ULT TOWER 10 – จัดเต็มพลังเสียงเสมือนมีเวทีดนตรีในบ้าน ลำโพง ULT TOWER 10 จะเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นงานปาร์ตี้ด้วยเสียงเบสที่หนักแน่น ด้วยฟังก์ชัน เสียง 360° Party Sound และคาราโอเกะด้วยไมโครโฟนไร้สายที่ให้มาพร้อมตัวเครื่อง เพียงเชื่อมต่อลำโพงเข้ากับทีวี ก็จะได้รับความบันเทิงเต็มพิกัดด้วยพลังเสียงที่โอบล้อม จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมคอนเทนต์โปรดได้อย่างเต็มอารมณ์ โดยเฉพาะวิดีโอการแสดงสดและภาพยนตร์ คุณสมบัติหลักของ ULT TOWER 10 ลำโพงรุ่น ULT…
-
Snapdragon 8 Gen 3 เทคโนโลยีล่าสุดในแพลตฟอร์มมือถือของ Snapdragon ขับเคลื่อนขุมพลังและประสิทธิภาพในซีรีส์ Galaxy ใหม่
ควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ อินคอร์ปอเรชั่น (Qualcomm Technologies, Inc.) เผยถึงแพลตฟอร์มมือถือ Snapdragon® 8 Gen 3 ในซีรีส์ Galaxy ขับเคลื่อนประสิทธิภาพ Samsung Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Flip6 ทั่วโลก โดยคุณสมบัติและเทคโนโลยีชั้นนำในชิปเซต Snapdragon 8 Gen 3 สำหรับซีรีส์ Galaxy ใน Samsung Galaxy Z รุ่นใหม่มาพร้อมกับ Galaxy AI รองรับการใช้งานอุปกรณ์จอพับ มอบประสบการณ์การสื่อสาร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และปลดปล่อยศักยภาพของความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้ คริส แพทริค (Chris Patrick) รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายโทรศัพท์มือถือ บริษัท ควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ อินคอร์ปอเรชั่น (Qualcomm Technologies, Inc.) กล่าวว่า “ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของเรากับ Samsung ไม่เคยแข็งแกร่งเท่านี้มาก่อนซึ่งเป็นเวลากว่าสองทศวรรษของการทำงานร่วมกัน เราได้กำหนดนิยามใหม่ของประสบการณ์ Android ระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ เรากำลังยกระดับประสบการณ์เหล่านั้นด้วยเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัย ด้วยคุณสมบัติ Galaxy AI ที่มาในรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Galaxy Z Series ปลดปล่อยพลังการใช้งาน AI ในแต่ละวันระหว่างผู้ใช้กับอุปกรณ์จอพับ โดยทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 3 สำหรับซีรีส์ Galaxy และสมรรถนะ AI ทั้งนี้ โปรเซสเซอร์ระดับพรีเมี่ยมของเรายังมาพร้อมกับประสิทธิภาพของกล้องที่ติดอันดับ มอบประสบการณ์การเล่นเกมส์คอนโซล และการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ขับเคลื่อนประสบการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการ” อินคัง ซอง (Inkang Song) รองประธานและหัวหน้าทีมกลยุทธ์เทคโนโลยี Mobile eXperience Business ของ Samsung Electronics กล่าวว่า “ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาวของเรากับควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ (Qualcomm Technologies) ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์และมอบประสบการณ์มือถือระดับพรีเมี่ยมและล้ำหน้าที่สุดมาสู่มือผู้บริโภคของเรา เราภูมิใจในการทำงานร่วมกับควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมมือถือร่วมกัน…
-
LINE STICKERS ส่งสติกเกอร์ “คัลแลน & พี่จอง ชุดที่ 2” เอาใจด้อม “ใจฟู”
จากกระแสยูทูปเบอร์สองหนุ่มเกาหลีเที่ยวไทย คัลแลน-พี่จอง ที่ยังปังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ด้วยคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน คลังศัพท์ยอดฮิต รวมถึงทัศนคติเชิงบวก ยิ่งตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่สองหนุ่มเท่านั้นที่จะมาขโมยหัวใจทุกคน แต่พวกเขายังมีแก๊งเพื่อนที่พากันมาออกกล้อง ขยายมวลความสุขให้ด้อม “ใจฟู” สนุกสนานเพิ่มขึ้น กับน้องแดน น้องเล็กของกลุ่ม หนุ่มเกาหลีหน้าใสแก้มป่อง หน้าตาหล่อเหลา และพี่จูดี้ ในฐานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนไทย ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีของสามหนุ่ม ทำให้ยอดผู้ติดตามดีดตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกวันเป็นหลักล้าน กลายเป็นขวัญใจชาวไทยที่หลายคนหลงรัก และเกิดเป็นกระแสที่ทุกคนอยากมีคัลแลน พี่จอง น้องแดน และพี่จูดี้เป็นของตัวเอง และถึงแม้จะไม่ได้ใกล้ชิดก็ตาม แต่ขอแค่มีเรื่องราวมาให้เห็นบ่อยๆ สักนิดก็ยังดี LINE STICKERS จึงได้ชวนทั้ง 4 คนมาออกสติกเกอร์อีกครั้งในชุด “คัลแลน & พี่จอง ชุดที่ 2” ที่นอกจากคำฮิตติดของปากสองหนุ่ม คัลแลน-พี่จอง ไม่ว่าจะเป็น “เคอร์บี้จะโมโห” หรือ “ไหวหรือเปล่าเนี่ย” แล้ว ยังใส่คาแรกเตอร์ของพี่จูดี้ ที่มีความเฟียซแต่น่าหลงใหล กับคำสนุกๆ อย่าง “ตื่นมาก็สวยเลย” หรือ “อร๊ายยย” คำอุทานเสียงดังฟังชัดจนรู้ว่ามันต้องเกิดเรื่องกับหนุ่มๆ แล้ว ด้านน้องแดนก็ไม่แพ้กัน มาพร้อมคาแรกเตอร์ความใส กับ “ขอโทษค้าบ” และ “ไม่เข้าใจ” และยังมีสติกเกอร์อีกหลายแอ็กชันที่พร้อมเป็นตัวแทนส่งต่อความรู้สึกของแฟนๆ ในชีวิตประจำวันอีกมากมาย ชาวด้อมใจฟูสามารถดาวน์โหลดสติกเกอร์ทางการ “คัลแลน & พี่จอง ชุดที่ 2” ไปเติมความสนุกให้ทุกการแชทได้แล้ววันนี้ ผ่าน LINE STORE ที่ https://lin.ee/A8wDkYF/sknj/ow หรือผ่านทาง Sticker Shop ที่ https://lin.ee/GITx5K0/sknj/ow
-
GARMIN เปิดตัว ‘APPROACH Z30’ เครื่องวัดระยะระบบเลเซอร์สุดล้ำ
Garmin ผู้ส่งมอบความหลากหลายทางเทคโนโลยี GPS ตั้งแต่อุตสาหกรรมการบิน ยานยนต์ การเดินทะเล ฟิตเนส และกิจกรรมกลางแจ้ง เดินหน้ายกระดับ GARMIN GOLF ECOSYSTEM เพื่อที่สุดของเกมกอล์ฟอันเหนือชั้น เติมเต็มสินค้าซีรีย์ APPROACH เพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น กับการเปิดตัว APPROACH Z30 เครื่องวัดระยะระบบเลเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถวัดระยะทางได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำได้สูงสุดถึง 400หลา1 ขยายกำลังการมองถึง 6 เท่า มาพร้อมฟีเจอร์ Range Relay ที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลระยะไปยังสมาร์ทวอทช์ที่รองรับหรือส่งไปยังแอปพลิเคชั่น GARMIN GOLF บนสมาร์ทโฟน เมื่อผู้ใช้ตั้งเป้าล็อคธง APPROACH Z30 จะส่งสัญญานสั่นแจ้งเตือน และปรากฏข้อมูลระยะ รวมถึงเส้นโค้งบอกระยะบนแผนที่ให้ผู้เล่นเห็นภาพตำแหน่งหลุมและสิ่งต่างๆ ที่อยู่โดยรอบบนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกัน ให้นักกอล์ฟสนุกไปกับการใช้งานเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อันหลากหลายภายใต้ GARMIN GOLF ECOSYSTEM ร่วมกันได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด เพื่อยกระดับการออกรอบของนักกอล์ฟให้เหนือขั้นในทุกๆ เกม นอกจากการพัฒนาสินค้าและบริการที่ออกแบบมาเพื่อนักกอล์ฟแล้ว ปีนี้ Garmin ยังมาพร้อมการเปิดตัว GARMIN GOLF CLUB (G/G/C) คอมมูนิตี้ของคนรักกีฬากอล์ฟอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมชวน 3 โปรกอล์ฟ โปรซุ้ง-อรรณพ ตั้งกมลประเสริฐ โปรแจ็ค-นพไพสิษฐ์ กัณหาเจริญ…
-
ทรู คอร์ปอเรชั่น ผนึกภาคีเครือข่ายเดินหน้ารื้อถอนสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า ถ.สุทธิสาร
ถึงคิวเคลียร์สายสื่อสารย่านถนนสุทธิสารวินิจฉัย…ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย นายเลิศรัตน์ รตะนานุกูล หัวหน้าสายงานรัฐกิจสัมพันธ์ นำทีมวิศวกรพื้นที่ร่วมปฏิบัติการสนับสนุน การไฟฟ้านครหลวง (MEA) โดย นายทวีศักดิ์ สมานสิน ผู้ช่วยผู้ว่าการฯ พร้อมด้วย กรุงเทพมหานคร โดย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการฯ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมดำเนินงานรื้อถอนสายสื่อสารที่ยกเลิกการใช้งานแล้วบนเสาไฟฟ้า หลังจากติดตั้งโครงข่ายเส้นใยแก้วนำแสง Fiber Optic Cable (FOC) ฝังในระดับใต้ดินเพื่อใช้ทดแทนสายสื่อสารเดิม ย่านถนนสุทธิสารวินิจฉัย ตั้งแต่ แยกพหลโยธิน ถึง แยกถนนวิภาวดีรังสิต รวมระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยึดหลักการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานโทรคมนาคมที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม โดยสนับสนุนนโยบายจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ตามนโยบายภาครัฐบาลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพร้อมให้ความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วนในการปรับปรุงภูมิทัศน์ของเมืองให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
-
ทรู คอร์ปอเรชั่นล้ำไปอีกขั้น ครั้งแรกในไทยโชว์ทดสอบ “LIVE – Cell Broadcast Service”
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย จัดการทดสอบล้ำหน้าไปอีกระดับกับ “LIVE – Cell Broadcast Service” ผ่านเสาสัญญาณจริง ให้ผู้ใช้งานมือถือทั้งทรู และดีแทคในพื้นที่ได้รับประสบการณ์แจ้งเตือนภัยจริงครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเยี่ยมชมและให้เกียรติในการร่วมทดสอบโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ที่อาคารทรู ทาวเวอร์ รัชดาภิเษก เพื่อแสดงศักยภาพความพร้อมของระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นำโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยและการเตือนภัยสำหรับประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมชูหมัดเด็ดศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ BNIC พร้อมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทรู คอร์ปอเรชั่นใช้เป็นศูนย์กลางบริหารจัดการกรณีเกิดภัยพิบัติ 24 ชั่วโมง นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)…
-
เปิดราคา HUAWEI FreeBuds 6i หูฟังตัวเก่งราคาเข้าถึง พร้อมเสียงดีและลดเสียงรบกวนได้
เปิดตัวหูฟังหัวเว่ยรุ่นล่าสุดจากตระกลู i-series ที่มาพร้อมกับความสามารถในการลดเสียงรบกวนแบบไดนามิก ANC 3.0 ซึ่งมาตรฐานในระดับเดียวกันสําหรับหูฟังเอียร์บัดภายในช่วงราคาระดับโปรเสียงเบสหนักแน่น และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย เทคโนโลยีลดเสียงรบกวน Intelligent Dynamic ANC3.0 จากความสําเร็จของรุ่นก่อน HUAWEI FreeBuds 6i รุ่นใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนล่าสุดของหัวเว่ย อย่าง Intelligent Dynamic ANC3.0 ถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนที่มีอยู่ในหูฟังระดับ Pro โดยเทคโนโลยี ANC 3 Intelligent Dynamic ANC3.0 สามารถทําการลดเสียงรบกวนได้อย่างแม่นยําซึ่งปรับให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ สร้างพารามิเตอร์การลดเสียงรบกวนผ่านการสร้างแบบจําลอง ANC แบบเรียลไทม์ โดยอัลกอริทึมได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษสําหรับ 34 สถานการณ์ HUAWEI FreeBuds 6i จะตรวจสอบเสียงรบกวนทุกๆ 2.6 μs ปรับพารามิเตอร์ภายในเวลาประมาณ 1 วินาทีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลดเสียงรบกวนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของคุณ นอกจากระบบ ANC 3.0 แล้วยังมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เพื่อประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวนที่เปลี่ยนแปลงเกม การอัพเกรดระบบลดเสียงรบกวนแบบ Passive noise cancellation (PNC) ประกอบด้วยห้องกรองเสียงรบกวนและที่ครอบหูแบบใหม่ ในขณะที่ระบบลดเสียงรบกวนแบบ Active noise cancellation (ANC) ประกอบด้วยระบบ 3 ไมค์ ซึ่งมาพร้อมกับอัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวน Signal-to-noise ratio (SNR) ได้ดีกว่าเดิม 50% นอกจากนี้ยังได้ระบบเสียงที่ดีเพราะมีการเฃือกใช้ Quad-magnet Dynamic Driver ขนาด11 มม. ไดนามิกไดร์เวอร์ 4 แม่เหล็กมีประสิทธิภาพ ดีกว่าเดิม และยังรองรับ มาตรฐาน Hi-Res ให้เสียงเบสที่หนักแน่นเพียง 14 Hz8 มีประสิทธิภาพที่จะทําให้คุณลืมหายใจ HUAWEI FreeBuds 6i ยังรองรับตัวแปลงสัญญาณเสียง LDAC HD และได้รับใบรับรองระบบไร้สาย Hi-Res Audio และยังสามารถใช้งานได้งานได้นานสูงสุด35ชั่วโมง และยังเล่นเพลงได้นานสุด 8…
-
อีริคสันประเทศไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศไทย
บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย เผยวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของประเทศไทย ภายใต้โครงสร้างพื้นฐาน 5G อันแข็งแกร่งที่กำลังพัฒนายิ่งขึ้นในประเทศไทย โดยอาศัยโซลูชันเครือข่าย 5G ล้ำสมัย ผสานเข้ากับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสร้างเครือข่าย 5G ทั่วโลกที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้และยั่งยืน ซึ่งทำให้อีริคสันมีความพร้อมเป็นส่วนสำคัญเพื่อเร่งเดินหน้าประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมั่นคง แผนงานหลักประการหนึ่งของอีริคสันเพื่อประเทศไทยคือการจัดตั้ง 5G Innovation and Experience Studio (5GIX Studio) ที่สร้างเสร็จใหม่ในโครงการ Thailand Digital Valley โดยเป็นความร่วมมือกับรัฐบาลไทยผ่านทางสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) 5GIX Studio แห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรม 5G ร่วมกัน โดยใช้เครือข่ายแซนด์บ็อกซ์ 5G ที่ทันสมัยของอีริคสัน สำหรับห้องปฏิบัติการแห่งนี้จะถูกใช้ในการพัฒนา ทดสอบ ตรวจสอบ และให้การรับรองยูสเคส 5G ใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรจากทั่วโลก ห้องปฏิบัติการนี้ยังจัดแสดงความหลากหลายของยูสเคส 5G ระดับแถวหน้า รวมถึงหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) เครื่องจักรการผลิตอัตโนมัติที่เป็นความร่วมมือกับมิตซูบิชิ และกล้อง CCTV 360 องศา …
Got any book recommendations?